แบนเนอร์หัว

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สวยผู้หญิงอาย! โยชิ กะเทยคนดัง นับวันยิ่งสวยเลอค่า

รินรดา ธุระพันธ์ หรือ กะเทยคนดังที่เคยสร้างปรากฏการณ์ฮือฮาไปทั้งโลกออนไลน์ กับภาพสาวสวยกับตุ๊กตา ตัวเล็ก ผิวขาว ประดับประดาด้วยดอกไม้ในงานโรงเรียน และไม่มีใครมองออกเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ สาวประเภทสองนะฮะ


จากเด็กหนุ่มมัธยม โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ตอนนี้เธอเพิ่งจะ ศัลยกรรมหน้าอก เพิ่มสวยให้เหมือนผู้หญิงมากขึ้นไปอีกขนาดนี้ ชะนีต้องยอมแล้วค่ะ
ผลงานที่ผ่านมานอกจากเดินสายประกวดแล้ว เธอยังมีผลงานละคร Love Sick 2 และเมื่อไม่นานมานี้ เธอกลับมาสร้างความโด่งดังอีกครั้ง ในเอ็มวีเพลง ติดหนึบ ของ ใบเตย อาร์สยาม สวยเปล่งออร่าเป็นที่จับตามอง

อินสตาแกรม @yoshirinrada
ข่าว http://women.sanook.com/40721/

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

8 ตำแหน่งไฝมงคลนำโชคใครมีถือว่าดี!

ถ้าจะพูดถึง บางคนเชื่อว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นตำหนิบนร่างกายไปหาวิธีเอาออกกำจัดไปให้พ้น เพราะเชื่อว่าจะนำสิ่งไม่ดีมาสู่ตัวเองได้ แต่สำหรับบางคนแล้ว “ไฝ’ ก็นำโชคมาให้อย่างไม่รู้ตัว แม้ว่าไฝนั้นจะมาบดบัง หรือทำให้ขาดความมั่นใจลงไปบ้าง แต่ถ้าต้องแลกกับความรวย ความเฮง หรือชีวิตที่ดี ก็คงต้องยอมให้ตัวเองมีไฝอยู่บนร่างกายต่อไป“ไฝนำโชค”
ดั้งจมูก
หากใครมีไฝอยู่ที่บริเวณดั้งจมูก ทำนายว่าจะ เป็นคนโชคดี วาสนาชะตาสูง สติปัญญาดีเอาตัวรอดได้ ทำธุรกิจรุ่งเรืองก้าวหน้า มีคุณธรรม
ปลายจมูก
หากใครที่มีไฝอยู่บริเวณปลายจมูก ทำนายว่า เป็นคนที่มีความสมบูรณ์ในเรื่องความรัก จะมีคู่หลายคน ลักษณะเป็นคนร่าเริงสดใสถือว่าเป็นเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เป็นนักรักตัวยงเลยทีเดียว
ข้างจมูกขวา
หากใครมีไฝที่บริเวณจมูกขวา ทำนายว่า จะเป็นคนที่มีวาสนาดี มีความเพียรพยายามในทุกๆเรื่อง มีสติปัญญาหลักแหลม ชีวิตราบรื่นมีความสุขดี
ข้างจมูกซ้าย
หากใครที่มีไฝบริเวณข้างจมูกซ้าย ทำนายว่าจะเป็นคนที่ มีโภคทรัพย์ ได้รับมรดก รักความสงบ มีศีลธรรมประจำใจ มีโชคลาภเข้ามาเสมอๆ
ริมฝีปาก
หากใครที่มีไฝบริเวณริมฝีปาก ทำนายว่า เป็นคนที่ช่างเจรจาพาที เป็นที่ถูกใจของคนที่พบเห็น ทำราชการก้าวหน้า ทำการค้าดีมาก หรือเป็นนักการเมืองก็ดี มีอำนาจวาสนา
ริมฝีปากบนซ้ายและขวา
หากใครมีไฝบริเวณริมฝีปากบนซ้ายและขวา ทำนายว่า เป็นผู้มีวาสนา ชะตาสูงมาก จะพบคู่ครองที่พึ่งอาศัยได้ดี ตัวเองเป็นคนช่างพูด ดึงดูดเพศตรงข้าม ใครเห็นใครรัก มีเงินทองใช้ฟุ่มเฟือย
ริมฝีปากล่างซ้ายและขวา
หากใครมีไฝบริเวณ ริมฝีปากล่างซ้ายและขวา ทำนายว่าจะเป็นคนที่ หุนหัน โมโหร้าย ไม่มีเหตุผลโบราณท่านให้เอาออกเสีย จุดและไฝ ริมฝีปากบนซ้ายและขวาชาย มักเจ้าชู้ แต่งตัวน่าเชื่อถือ เป็นนักประชาสัมพันธ์ดีมาก
หน้าผาก
หากใครที่มีไฝบริเวณหน้าผากทำนายว่า เป็นคนที่จิต ใจเป็นกุศล มีศีลธรรมดี ชอบสะสมของ และมีญาณหยั่งรู้

ที่มา http://horoscope.sanook.com/80845/

อาชีพในฝันหนุ่มๆ “ดาราตัวประกอบ AV ญี่ปุ่น” !!

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

ไขความลับ ตอน: 7 ความลับที่สายการบิน(อาจไม่)อยากให้คุณรู้

เครื่องบิน เป็นพาหนะที่มีราคาในการโดยสารแพงที่สุด ซึ่งต้นทุนที่เป็นสาเหตุให้ค่าบริการแพงกว่าพาหนะชนิดอื่นๆนั้น เกิดจากหลายองค์ประกอบของการดูแลเครื่องบินให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน จริงๆ และการทำให้เครื่องบินลำหนึ่งสามารถบินขึ้นและลงยังจุดหมายปลายทางได้อย่าง ปลอดภัย ซึ่งรวมทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ค่าจ้างบุคลากรทั้งภาคพื้น และบนอากาศ (พนักงานต้อนรับบนเครื่อง) ฯลฯ
ทั้งหมดที่กล่าวมา ล้วนเป็นกระบวนการและขั้นตอนอันมากมายที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลังฉากการบินอัน แสนสบายของผู้โดยสาร แต่นี่เองคือสาเหตุที่เครื่องบินมีราคาค่างวดของตัวเองที่สูงกว่าพาหนะชนิด อื่นอย่างชัดเจน โดยแลกกับการที่ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเดินทาง
… มีข้อเท็จจริงมากมาย ที่ผู้โดยสารพอจะทราบกันดี แต่สายการบินอาจไม่ได้บอกข้อมูลทั้งหมดให้คุณรู้  จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่(อาจจะ)เป็นความลับแก่ผู้โดยสาร ที่หากได้รู้ ก็จะเข้าใจเลยว่า สายการบินที่ดีหรือไม่ดี ไม่ได้วัดกันที่ราคาถูก หรือบริการเสริมลดแลกแจกแถมแต่อย่างใด
…. และนี่คือตัวอย่าง 7 ความลับ ที่สายการบิน(อาจไม่)อยากให้คุณรู้…
1. ตั๋วเครื่องบินราคาแพงเพราะว่า..ปลอดภัยที่สุด
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะหวาดกลัว ไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน จากเหตุการณ์เครื่องบินตกซ้ำๆซ้อนๆภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งแต่ละครั้ง มักจะกลายเป็นข่าวใหญ่โตตามหน้าหนังสือพิมพ์ และดูร้ายแรงจนเหมือนกับว่า การขึ้นเครื่องบินเป็นการไปเสี่ยงตาย แต่หากดูตามสถิติของกระทรวงคมนาคมไทยแล้ว ภายในปี 2552-2556 มีผู้เสียชีวิตจากเครื่องบินแค่เพียง 5 ราย และบาดเจ็บ 41 ราย เทียบกับผู้เสียชีวิตทางรถยนต์ถึง 39,373 ราย และบาดเจ็บถึง 100,667 ราย และจากสถิติทั่วโลก โอกาสที่เครื่องบินพาณิชย์ตกมีเพียงแค่ 1 ใน 11 ล้านเที่ยวบิน เท่านั้นปลอดภัยเป็นอันดับสองรองจากการขึ้นลิฟต์เท่านั้น

จากสถิติของหน่วยงานทางคมนาคมทางอากาศแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ระหว่างปี 1983 – 2000 มีผู้โดยสารเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางอากาศทั้งหมด 53,487 คน และมีผู้รอดชีวิตจากจำนวนดังกล่าวถึง 51,207 คน และเสียชีวิตแค่ 2,280 คน คิดเป็นอัตราส่วนการรอดชีวิตสูงถึง 95.7 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็เป็นเพราะว่าเครื่องบินเป็นพาหนะเดียวที่ทั้งผู้โดยสารและลูกเรือต่าง ต้องศึกษาและทำความเข้าใจวิธีการเอาตัวรอดก่อนเสมอ …ดังนั้น ความปลอดภัย จึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับสายการบิน และราคาของตั๋วก็อาจจะเป็นตัวสะท้อนถึงระดับคุณภาพและความรับผิดชอบที่สาย การบินมีต่อผู้โดยสารได้ในระดับหนึ่ง ที่คุณสามารถเลือกให้แก่ตัวเองได้
2. กัปตันบนเครื่องสำคัญที่สุด… และสั่ง(อาหาร)ได้ทุกอย่าง
จริงๆแล้วกัปตันบนเครื่องนั้นมีอำนาจสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง สามารถจับกุมผู้โดยสารที่ไม่ทำตามคำสั่งและอาจเป็นภัยอันตรายคุกคามความ ปลอดภัยของผู้โดยสารคนอื่นๆได้ กัปตันสามารถสั่งเทียบปรับตามฐานความผิดต่างๆ และยังสามารถรับรองพินัยกรรมให้แก่ผู้โดยสาร ในกรณีที่ผู้โดยสารเสียชีวิตบนเครื่องได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นผู้มีสิทธิขาดในการวินิจฉัยว่า จะรับหรือไม่รับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ในกรณีที่ผู้โดยสารเมามายอย่างมากก่อนขึ้นเครื่อง หรือมีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารในเครื่อง
ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยความที่กัปตันสำคัญขนาดนี้ กัปตัน(สังเกต 4 ขีดที่บั้ง) และนักบินที่ 2 (First Officer – F/O) จึงจะได้รับเสิร์ฟอาหารไม่เหมือนกันเสมอ เพราะหากอาหารจานหนึ่งเกิดเป็นพิษ อย่างน้อยก็จะยังมีคนที่ขับเครื่องบินต่อไปได้ และนักบินทั้งสองคนจะต้องผลัดกันนอน ในกรณีที่เป็นเที่ยวบินแบบ long-haul (นานกว่า 5 ชั่วโมง)… ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อกัปตันนอนพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว และตื่นขึ้นมา ก็จะพบว่านักบินที่ 2 ที่นั่งข้างขวานั้น… อาจจะกำลังผลอยหลับเช่นกัน (ก็เขามี autopilot อยู่นี่นา…)
… รู้อย่างนี้แล้ว เวลาขึ้นเครื่อง กรุณาทำตามคำสั่งของกัปตันกันด้วย… ไม่งั้นอาจถูกจับได้นะเออ…

3. เครื่องบินบินได้… ไม่ต้องใช้เครื่องยนต์
เครื่องบินยังสามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ในกรณีฉุกเฉินได้ โดยสามารถบินได้ไกลถึง 10 กม. ในทุกๆระดับความสูง 1.5 กม. ซึ่งหมายความว่า หากเครื่องบินบินในระดับความสูงที่ 9 กม. แล้วเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว เกิดขัดข้องและไม่ทำงาน เครื่องลำนั้นจะยังสามารถบินต่อไปอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ไอพ่นได้ ไกลถึง 60 กม. ด้วยเหตุนี้เอง ไม่บ่อยนัก ที่อุบัติเหตุทางอากาศจะเกิดจากเหตุเครื่องยนต์ขัดข้อง ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากความผิดพลาดส่วนตัวของนักบิน หรือเหตุสุดวิสัยในขณะที่ take-off หรือ landing มากกว่า

4. น้ำ… ดื่มจากขวดดีกว่า
เคยสงสัยหรือไม่ ว่าทำไมพนักงานต้อนรับถึงเสิร์ฟน้ำจากขวด ไม่รินออกมาจากถังเก็บน้ำ?
สำหรับเครื่องบิน น้ำที่ใช้บนเครื่องไม่ว่าจะเป็นน้ำก๊อกล้างมือในห้องน้ำ น้ำชักโครก ฯลฯ จะถูกส่งมาจากถังเก็บน้ำบนเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใครมุดเข้าไปทำความสะอาดให้เราทุกครั้งเวลาที่เครื่องลงจอด เพราะว่าเครื่องบินลำหนึ่งๆ มีเวลาเฉลี่ยในการทำความสะอาด ถ่ายเทน้ำเสีย และเติมน้ำดีเข้าไปใหม่ เพียงชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ดังนั้น ถังเก็บน้ำในเครื่องบางทีอาจจะไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็น 10 ปีแล้วก็เป็นได้  นอกจากนี้ ขั้นตอนการทำความสะอาดสิ่งปฏิกูลจากห้องน้ำและการเติมน้ำดีเข้าไปในเครื่อง ใหม่ มักทำพร้อมๆกันและท่อก็อยู่ใกล้ๆกัน… แนะนำว่า ทางที่ดี หากต้องการดื่มน้ำ อย่าใช้น้ำจากก็อก ให้ดื่มจากขวดเท่านั้น … และแน่นอนที่สุด ถ้าเลี่ยงการดื่มชาและกาแฟบนเครื่องได้ เป็นดีที่สุด

5. ไม่จำเป็น… อย่าพา “ลูก” บินไปด้วย
หากลองสังเกต ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะเทียบจอดกับอาคารผู้โดยสารของสนามบิน พนักงานที่อยู่บนลานจอดแต่ละคนจะใส่หูฟัง เพื่อป้องกันเสียงดังที่ออกมาจากเครื่องยนต์ ก่อนที่จะถอดออก เมื่อนักบินดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่า เสียงจากเครื่องยนต์ในขณะที่มันทำงานนั้นอันตรายสำหรับหูของพนักงานที่สนาม บิน … และแน่นอนว่า เสียงดังเหล่านี้ โดยปกติผู้โดยสารที่นั่งบนเครื่องจะไม่ได้ยินหรือรำคาญ ไม่มีอะไรน่าห่วงใช่หรือไม่?…
… เรื่องของเรื่องก็คือ โซนที่เก็บสัมภาระ โหลดกระเป๋าลงใต้ท้องเครื่องนั้น ก็คือจุดเดียวกันกับที่ “ลูก” ของหลายๆท่านต้องไปอยู่ ในระหว่างที่ “แม่” ของพวกมันต่างขึ้นไปนั่งอยู่ในห้องโดยสารตามปกติ ซึ่งหมายความว่า พวกมันจะต้องทนกับเสียงเครื่องยนต์ที่น่ารำคาญไปตลอดทางหลายชั่วโมง จนกว่าเครื่องบินลำนั้นจะไปถึงยังจุดหมาย ลองนึกดูก็จะเข้าใจว่ามันน่ารำคาญขนาดไหน จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เพราะพวกมันต้องทนอยู่ในกรงที่เจ้าของใส่ไว้เพื่อโหลดรวมกับเพื่อนตัวอื่นๆ อีกที แล้วอย่างนี้ มีหรือที่พวกมันจะไม่หงุดหงิดหลังผ่านสมรภูมิ “เสียง” หลายชั่วโมง และการพลัดพรากจากเจ้าของที่ปกติจะปลอบโยนพวกมันในเวลาแบบนั้น …. รู้อย่างนี้แล้ว ลองคิดให้ดีหลายๆรอบ ก่อนที่ครั้งหน้าคุณจะพา “ลูกๆ” ไปไหนโดยเครื่องบินกันนะ
6. 15 นาที… ออกซิเจนจากหน้ากาก
เวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หน้ากากออกซิเจนจะเด้งตกลงมาจากเพดานเหนือที่นั่งของผู้โดยสารแต่ละท่าน ทันทีโดยอัตโนมัติ เมื่อสวมหน้ากาก ผู้โดยสารทุกคนจะสามารถสูดอากาศได้เต็มปอดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเครื่องจะอยู่ในระดับความสูงที่ความหนาแน่นของออกซิเจนเบาบางมากๆ … ตามหลักการ ออกซิเจนจะมีพอสำหรับผู้โดยสารทั้งลำได้สูดหายใจ นานถึง 15 นาที ซึ่งภายใน 15 นาทีนี้ เพียงพอต่อการยืดเวลาให้กัปตันลดระดับความสูงของเครื่องต่ำลง จนเราสามารถกลับมาหายใจได้อีกครั้ง
โดยทางกายภาพนั้น ในระหว่างที่เกิดเหตุฉุกเฉินที่ระดับความสูงมากๆ เรายังมีเวลา 15-20 วินาที ก่อนที่จะหมดสติจากการที่สมองขาดออกซิเจน ด้วยเหตุนี้ เวลาที่คุณจะขึ้นเครื่องบินทุกครั้ง จะต้องตระหนักไว้ด้วยว่า ทุกวินาทีมีค่าจริงๆ และเวลาเพียง 15-20 วินาที อาจช่วยชีวิตคนข้างๆ เราให้รอดเงื้อมมือมัจจุราชได้
… วิธีการทั้งหมดเพื่อช่วยเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่างถูกบรรยายและสาธิตทุกครั้งโดยพนักงาน แต่ผู้โดยสารมักไม่ใส่ใจในการดูและคิดว่า เป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่จริงแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นได้บนเครื่อง… ถึงเวลาแล้ว ที่ผู้โดยสารทุกคน ควรจะหันมาใส่ใจและตั้งใจฟัง เพื่อเอาตัวรอดได้อย่างถูกต้องหากเกิดสถานการณ์คับขันขึ้นจริงๆ
7. อย่าคิดว่าทุกอย่างบนเครื่อง…สะอาด
เนื่องจากเครื่องบินที่คุณนั่ง ก็คือเครื่องลำเดิม ลำเดียวกับที่มาส่งผู้โดยสารจากอีกที่หนึ่ง เป็นการใช้งานเครื่องต่อจากเที่ยวบินก่อนหน้านี้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ระยะห่างของเวลาระหว่างเที่ยวบินที่แล้วที่มาถึงสนามบิน กับเที่ยวบินที่คุณกำลังจะบินไปนั้น มักจะห่างกันอยู่ที่ 2-3 ชั่วโมง แน่นอนว่า ภายในระยะเวลาดังกล่าว พนักงานฝ่ายภาคพื้นต่างต้องเร่งแข่งกับเวลา เพื่อเอาเครื่องออกให้ตรงตาม “สเก็ต” (schedule) เพราะไม่เช่นนั้น สายการบินก็ต้องจ่ายค่า delay โดยไม่จำเป็น
เช่นเดียวกัน การทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร จึงมีทีมงาน outsource เข้ามาทำความสะอาดแต่ละไฟลต์ให้สายการบิน ซึ่งด้วยข้อจำกัดของเวลา บางครั้งพนักงาน outsource ที่เข้ามาทำหน้าที่ อาจไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ทุกซอกทุกมุม… นอกจากนี้ สิ่งที่คุณคิดว่ามัน “ใหม่” บางครั้งสำหรับบางสายการบิน อาจไม่ได้ใหม่เสมอไป เช่น แผ่นรองศีรษะ อาจเป็นอันเดิมที่คนที่นั่งที่นั่งก่อนหน้าคุณในไฟลต์ที่แล้วใช้ ตลอดจน หูฟัง มักจะเป็นหูฟังตัวเก่าที่นำไปใส่ถุงแพ็คมาใหม่พร้อมแผ่นรองหูใหม่ หรือหมอนที่มักจะวางไว้บนที่นั่งเหมือนเดิม ตลอดจนผ้าห่ม ที่ใช้จากไฟลต์ที่แล้ว แค่ถูกม้วนพับเก็บไว้เหมือนเดิมก่อนแจกจ่ายใหม่เฉพาะเวลาที่ผู้โดยสารขอผ้า ห่ม ที่สำคัญ โต๊ะทานอาหารในแต่ละที่นั่ง บางครั้งอาจไม่ได้ถูกเช็ดทำความสะอาดทุกจุดโดยละเอียด ซึ่งคนในไฟลต์ที่แล้วอาจใช้โต๊ะนั้นเปลี่ยนแพมเพอร์สลูกจอมซนของเขาก็เป็น ได้

จากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด นั่นคือประเด็นปลีกย่อย ที่สายการบินอาจไม่เคยบอกให้คุณได้ทราบ แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ งานบริการของสายการบินมีต้นทุนที่สูงกว่าพาหนะเดินทางประเภทอื่นๆ และในทางเดียวกัน มีทั้งความรับผิดชอบและมีรายละเอียดปลีกย่อย มีขั้นตอนมากมายที่ต้องใส่ใจเพื่อผู้โดยสารอย่างละเอียดอ่อนมากกว่าพาหนะ ประเภทอื่นๆ และทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของสายการบิน หมดไปกับการทำให้ทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่า เครื่องบินลำหนึ่งๆ จะบินออกไปบริการผู้โดยสารบนเครื่องให้ถึงจุดหมาย และพร้อมต้อนรับผู้โดยสารชุดต่อไปอีกหลายร้อยชีวิตในเที่ยวหน้า เพื่อพากลับมายังบ้านของพวกเขา… อย่างปลอดภัย นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูล จาก Jetradar.co.th









เปิดตัวแล้ว โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ โลโซ

เปิดตัวแล้ว โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ โลโซ

ใน Facebook ของเสกโลโซ ได้เปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ โลโซ
ซึ่งในFacebook ได้กล่าวไว้ว่า "ช่วยบอกหน่อยซิว่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนโลโซของเฮียนั้นเลอค่าน่าใช้ไหมจ๊ะ ..? เครื่องละ3,500บาทเอง สนใจอยากเป็นเจ้าของให้เม้นท์ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ได้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เฮียจะสั่งการให้พนักงานขายโทรกลับกันแบบตัวต่อตัวเลยฮะ รักนะ ..."  ไปดูหน้าตาโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ โลโซ กัน















ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/sekloso.official?pnref=story


วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558